ข้อมูลองค์กร

บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS จดทะเบียนก่อตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2550 ภายใต้ชื่อ “บริษัทเอฌ็องซ์ จำกัด” ดำเนินธุรกิจนำเข้าและทำการตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิว “Rojukiss” จากเจ้าของเครื่องหมายการค้าในประเทศเกาหลีใต้ เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ "Rojukiss Perfect Poreless Serum" หรือ เซรั่มกระชับรูขุมขนเป็นผลิตภัณฑ์แรกในร้าน Watsons จากนั้นขยายช่องทางจัดจำหน่ายไปยังร้านค้าปลีกแห่งอื่น เช่น 7-Eleven ในปี 2559 ผลประกอบการของแบรนด์ “Rojukiss” ในประเทศไทยประสบความสำเร็จมากที่สุด ทำให้บริษัทฯ สามารถซื้อเครื่องหมายการค้า “Rojukiss” ทั่วโลกจากเจ้าของเครื่องหมายการค้าในเกาหลีใต้ และนำมาพัฒนาแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักรวมทั้งต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ด้วยการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีนานกว่า 13 ปี ทำให้ “Rojukiss” ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์เซรั่มบำรุงผิวหน้าที่มียอดขายสูง มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 และมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแตกต่างจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบรนด์อื่นๆ ในตลาดอย่างชัดเจน ปัจจุบัน KISS มีแบรนด์หรือเครื่องหมายการค้าหลักถึง 5 แบรนด์ ในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ ได้แก่ Rojukiss, PhDerma, Best Korea, Wonder Herb และ Sis2Sis

บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS ได้เข้าจดทะเบียนและเพื่อเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564

วิสัยทัศน์
เป็นผู้นำด้านความงามและ
สุขภาพแห่งอนาคตของเอเชีย
HEALTH & BEAUTY FOR THE FUTURE OF ASIA
พันธกิจ
สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านความงามและสุขภาพที่ดีที่สุดที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้พร้อมขับเคลื่อนความต้องการ และสร้างแรงบันดาลใจแก่คนไทยและคนเอเชียอย่างยั่งยืน

เป้าหมายการดำเนินธุรกิจ

บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเป็น ผู้นำด้านความงามและสุขภาพแห่งอนาคตของเอเชีย โดยมีเป้าหมายดังนี้

1

ขยายธุรกิจและเพิ่มความหลากหลายในพลิตภัณฑ์กลุ่มความงามและสุขภาพ (Health & Beauty) ให้ครบวงจร โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนําในระดับโลก

2

เป็นผู้นํานวัตกรรมความงามและสุขภาพที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมือง (Convenience Health & Beauty) ด้วย ผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมเข้าถึงผู้บริโภค สะดวก คุ้มค่าทั้งขนาดและราคาและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็วของผู้บริโภคในตลาด

3

เสริมสร้างความแข็งแกร่งช่องทางจัดจําหน่ายให้ครอบคลุมทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าเพื่อสุขภาพและความงาม ช่องทางจําหน่ายแบบ D2C

4

มุ่งสู่ความเป็นผู้นําธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

2550-2554
2557-2559
2560-2562
2563-2564
2565

พัฒนาการที่สำคัญของบริษัทฯ

2550
ก่อตั้งบริษัทฯ
ก่อตั้งบริษัทฯ เพื่อประกอบธุรกิจนำข้าและทำการตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายใต้เครื่องหมายการค้า Rojukiss จาก เจ้าของเครื่องหมายการค้าในประเทศเกาหลีใต้ และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในประเทศไทย
  • บริษัทฯ ก่อตั้งโดยโดย นางสาวปียวดี สอนสิงห์ จดทะเบียนก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2550 เพื่อประกอบธุรกิจนำเข้าและ ทำการตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายใต้เครื่องหมายการค้า Rojukiss จากเจ้าของเครื่องหมายการค้าในประเทศเกาหลีใต้ และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในประเทศไทย
  • บริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากประเทศเกาหลี และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในประเทศไทยรายแรก ของประเทศไทยภายใต้แบรนด์ Rojukiss ซึ่งเป็นแบรนด์ที่บริษัทฯ ได้รับสิทธิในการนำเข้า ทำการตลาด และจัดจำหน่ายใน ประเทศไทย ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางร้านสุขภาพและความงามร้าน Watsons เป็นช่องทางการ จัดจำหน่ายแรก
2551
ขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์
บริษัทฯ ได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Rojukiss ไปยังช่องทางร้านสะดวกซื้อ (Convenient Store) ได้แก่ 7- Eleven, Family Mart และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางร้านสุขภาพและความงามไปยังร้าน Boots
2552
ขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์
ขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางร้านสุขภาพและความงาม และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ไปยังช่องทางร้านค้าสมัยใหม่
  • บริษัทฯ ได้เริ่มทำการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าสมัยใหม่ (Modern Trade) เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายในการเข้าถึงผู้บริโภค โดยเริ่มต้นขายผ่าน Tops
2554
เปลี่ยนชื่อบริษัทฯ และขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์
เปลี่ยนชื่อบริษัทฯ และขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางร้านค้าสมัยใหม่
  • บริษัทฯ เปลี่ยนชื่อบริษัท จาก บริษัท ไอเอ็กซ์ จำกัด เป็น บริษัท เอฌ็องซ์ จำกัด
  • นอกเหนือจากการจัดจำหน่ายสินค้าผ่าน Tops แล้ว บริษัทฯ ได้ขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายในช่องทางร้านค้าสมัยใหม่ ในการเข้าถึงผู้บริโภค โดยจัดจำหน่ายสินค้าผ่าน Tesco อีกด้วย
2557 - 2559
ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ Best Korea และ Beauti Cute

ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ Best Korea และ Beauti Cute และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทาง ร้านสะดวกซื้อ

บริษัทฯ ได้พัฒนาแบรนด์ Best Korea ใหม่เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า โดยจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อชั้นนำ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความสะดวกในการพกพาและใช้งาน รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคที่ต้องการทดลองผลิตภัณฑ์ ให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้มากขึ้น

  • นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้พัฒนาแบรนด์ Beauti Cute ใหม่เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โดยจำหน่ายผ่านช่องทาง ร้านสุขภาพและความงามเป็นหลัก และช่องทางการจัดจำหน่ายอื่นๆ เพื่อนำเสนอทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการ
  • บริษัทฯ ได้ขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายในช่องทางร้านสะดวกซื้อเพิ่มเติมจากการจัดจำหน่ายผ่าน 7- Eleven และ Family Mart โดยให้ครอบคลุมถึง Lotus Express eXta และ Jiffy
2559
บริษัทฯ เข้าซื้อเครื่องหมายการค้า Rojukiss จากเจ้าของเดิมในประเทศเกาหลีใต้
บริษัทฯ เข้าซื้อเครื่องหมายการค้า Rojukiss จากเจ้าของเดิมในประเทศเกาหลีใต้
  • PhD International Limited ("PhD") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าซื้อเครื่องหมายการค้า Rojukiss จากเจ้าของเดิมใน ประเทศเกาหลีใต้เนื่องจากบริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อพัฒนา เแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
  • PhD เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นผู้ถือกรมสิทธิเครื่องหมายการค้าทั้งหมดและให้บริษัทฯ เป็นผู้ใช้สิทธิดังกล่าวแต่เพียง ผู้เดียว ทั้งนี้ PhD จัดตั้งขึ้นที่ฮ่องกงเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของเครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ ให้เป็นสากล ยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศในอนาคต
2560
จัดสรรหุ้นสามัญและและหุ้นเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ให้แก่ Aurora Asia Holding Pte Limited ("AAH")
  • บริษัทฯ ได้จัดสรรหุ้นสามัญและมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 173.33 ล้านบาท โดยได้ทำการขายหุ้นสามัญเดิม และหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ให้แก่ Aurora Asia Holding Pte Limited ("Aurora") ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อซื้อ หุ้นของบริษัทฯ โดยมี Lakeshore Capital I LP ("LC1") และ LC1 Aurora Co-investment LP ("LC1AC") (LC1 และ LC1AC รวมเรียกว่า "กลุ่ม Lakeshore") ซึ่งเป็นกองทุนปิดประเภท Private Equity เป็นผู้ลงทุนใน Aurora (โปรดพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม ในส่วนที่ 1.3 หัวข้อโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัท)
  • บริษัทฯได้ว่าจ้างผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคมาอย่างยาวนานเข้าบริหารบริษัทฯ
2561
ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ Sis2Sis
  • บริษัทฯ ได้พัฒนาแบรนด์ Sis2Sis ใหม่เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โดยจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อชั้นนำ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความสะดวกในการพกพาและใช้งาน รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคที่ต้องการทดลองผลิตภัณฑ์ ให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้มากขึ้น
2562
ให้สิทธิการใช้เครื่องหมายการค้า Sis2Sis แก่ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย

ให้สิทธิการใช้เครื่องหมายการค้า Sis2Sis แก่ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย และให้บริการคำปรึกษาในการ ดำเนินธุรกิจและการตลาดสำหรับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ในประเทศอินโดนีเซีย

  • บริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญาให้สิทธิการใช้เครื่องหมายการค้า Sis2sis แก่ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียและ ได้เข้าทำสัญญาให้บริการที่ปรึกษาในการดำเนินธุรกิจและสัญญาให้บริการวางแผนกลยุทธ์ทางการขายและการตลาดกับ ผู้ร่วมค้าสำหรับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Sis2Sis ของบริษัทฯ ในประเทศอินโดนีเซีย ผ่านเครือข่ายร้านสะดวกซื้อที่ครอบคลุมทั่วประเทศอินโดนีเซียผู้บริหารของบริษัทฯ จัดตั้ง Guts and Good ขึ้นเพื่อถือหุ้นของบริษัทฯ
  • ในช่วงปี 2560-2562 กลุ่ม Lakeshore ได้ขายหุ้นรวมคิดเป็นร้อยละ 12.60 ของหุ้นทั้งหมดของ WWV ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น ทั้งหมดของ AAH ให้แก่ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ เพื่อสร้างแรงจงใจให้แก่พนักงานในการสร้างผลประกอบการที่ดี ให้แก่บริษัทฯ โดยภายหลังในเดือนธันวาคม 2562 กลุ่มผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯได้โอนย้ายสัดส่วนการถือหุ้นทาง อ้อมของบริษัทฯ ที่ตนถือผ่าน WWV ไปยัง Guts and Good ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศสิงคโปร์ เพื่อถือหุ้นของบริษัทฯ สำหรับผู้บริหารและพนักงาน
2563
ออกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงผิวภายใต้แบรนด์ Rojukiss
  • บริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงผิวภายใต้แบรนด์ Rojukiss เผื่อขยายแบรนด์เข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อ ความงามและสุขภาพ เข้าลงนามกับผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
  • บริษัทฯ ได้เข้าลงนามในสัญญาจัดจำหน่ายในประเทศฟิลิปปีนส์และประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 และ 31 มีนาคม 2563 ตามลำดับ เพื่อขยายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ผ่านทางพันธมิตรตัวแทนจำหน่ายใน 2 ประเทศดังกล่าว จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน เพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อเตรียมตัว IPO และขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2563 ได้มีมติ 1) อนุมัติจ่ายเงินปันผลจากกำไรจาก การดำเนินงานสำหรับปี 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 6.2 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 107,407,731.27 บาท และ 2) เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 173 ล้านบาทเป็น 270 ล้านบาทและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,666,667 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม ที่ประชุมวิสามัญผูถือหุ้นครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ได้มีมติ 1) เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ จากเดิมมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เป็นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท 2) จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) 3) เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 270 ล้านบาท เป็น 309 ล้านบาท เพื่อรองรับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 4 จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายแก่ประชาชน (IPO) และจำนวนไม่เกิน 18 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิใบสำคัญ แสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นของบริษัทฯ Warrant ต่อผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ("KISs ESOP" 5) ออกและเสนอขาย ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นของบริษัทฯ ต่อผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯภายใต้โครงการออกและเสนอขาย ใบสำคัญแสดงสิทธิตาม KISS ESOP
2564
จัดตั้งกิจการร่วมค้า บริษัท โอทู ศิส จำกัด และการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทฯ โดยบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)
  • เมื่อวันที่5 มกราคม 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2564 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท โอทู ศิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ โดยลงทุนในหุ้นสามัญจำนวน 2,000,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 20,000,000 บาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราร้อยละ 40 ทั้งนี้ บริษัทฯ ควบคุมร่วมผ่านสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นกับบริษัท โอ ช้อปปิ้ง จำกัด "โอ ช้อปปิ้ง" (บริษัทย่อยของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ("GMM" บริษัท โอทู คิส จำกัด จดทะเบียน จัดตั้งกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564
  • เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2564 AAH และนางสาวปียวดี สอนสิงห์ ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ในการ ให้สิทธิการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทฯ อย่างมีเงื่อนไขแก่ GMM เป็นจำนวนไม่เกิน 40,459,500 หุ้นและไม่เกิน 19,480,500 หุ้นตาม ลำดับ รวมเป็นไม่เกิน 59,940,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 9.9 ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นให้กับ ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO ในราคาเดียวกับราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน โดยมีเงื่อนไขบังคับก่อนว่า (ก) การจัดตั้ง กิจการร่วมค้าระหว่างบริษัทฯ และ บริษัท โอ ช้อปปิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GMM และการเข้าทำสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น ของกิจการร่วมค้าได้สำเร็จแล้ว และ (V) GMM จะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทและจากที่ประชุมของ ผู้ถือหุ้นของ GMM ในการเข้าทำรายการดังกล่าว ซึ่งในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ได้กำหนดระยะเวลาการใช้ สิทธิเข้าทำรายการดังกล่าวไว้ไม่เกินวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ &MM ได้ตกลงที่จะไม่ขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทฯ เป็นระยะ เวลา 1 ปีหลังจากการเข้าทำรายการ (Noluntary Share Lock-up) หาก GMM ต้องการขายหุ้นของบริษัทฯให้กับบุคคลอื่น (Third party) GMM จะต้องแจ้งความประสงค์ป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับความประสงค์ที่จะขาย จำนวนหุ้น และราคาจะขาย ให้กับบุคคลอื่น (Notice) โดยทางบริษัทฯ และ AAH จะมีสิทธิที่จะสรรหาผู้ซื้อหุ้นของบริษัทฯ ที่ GMM ถืออยู่ ภายใน 15 วัน นับจากวันที่บริษัทฯ และ AAH ได้รับ Notice นั้นในราคาที่สูงกว่าระหว่างราคา (ก) ราคาที่ GMM ได้รับเสนอจากบุคคลอื่นใน จำนวนหุ้นเดียวกัน หรือ (ง ร้อยละ 90 ของราคาปิด (Closing price) ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักย้อนหลัง 30 วันก่อนวันที่แจ้งการ ขายหุ้นของบริษัทฯ ทั้งนี้ ในหนังสือแสดงเจตจำนงดังกล่าวไม่ได้มีข้อตกลงที่จะให้ MM ส่งตัวแทนเข้ามาเป็นกรรมการของ บริษัทฯ โดย ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2564 ธุรกรรมการขายหุ้น KISS โดย AAH และนางสาวปียวดี สอนสิงห์ ให้แก่ GMM ได้ เสร็จสมบูรณ์แล้ว ในจำนวน 40,459,500 หุ้นและ 19,480,500 หุ้นตามลำดับ รวมเป็น 59,940,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 9.99 ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ ในราคาเดียวกับราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรกของ Kเรร ที่ 9.00 บาทต่อหุ้น รวม เป็นมูลค่า 539.46 ล้านบาท โดยภายหลังการเสร็จสิ้นธุรกรรมดังกล่าว AAH จะถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 176,226,420 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 29.4 และนางสาวปียวดี สอนสิงห์ จะถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 108,219,460 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 18.0 ออกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในนามกิจการร่วมค้า 02KIss เดือนมีนาคม 2564 เริ่มจำหน่ายชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพีเอชดี เค-เดอร์มา แอนตี้ สปอต แอนด์ เมลาสม่า ไบร์ทเทนนึ่ง โปรแกรม ในนามกิจการร่วมค้าระหว่างบริษัทฯ และบริษัท โอ ช้อปปิ้ง จำกัด "02KIรS" ผ่านช่องทางของบริษัท โอ ช้อปปิ้ง จำกัด

ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศอินโดนีเซีย

  • เดือนเมษายน 2564 เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าโรฐคิส เซรั่ม แบบซองจำนวน 4 สูตรในประเทศอินโดนีเซีย
  • เดือนตุลาคม 2564 เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าโรจูคิส เซรั่ม แบบขวด ขนาด 30 มล. จำนวน 3 สูตรในประเทศ อินโดนีเซีย

ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศเวียดนาม

  • เดือนธันวาคม 2564 เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์มาสก์บำรุงผิวหน้า โรจูคิส จำนวน 4 สูตรในประเทศเวียดนาม
2565
ลงทุนในบริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด เพื่อขยายธุรกิจไปสู่นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในบริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ("HIB"I โดยเป็นการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 5.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50.93 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด 10.21 ล้านบาท แหล่งที่มาของเงินลงทุนดังกล่าวมาจาก เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ซึ่งวัตถุประสงค์ในการลงทุนครั้งนี้ เผื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในเรื่องนวัตกรรมด้านสุขภาพ สอดคล้องกับกลยุทร์ในการเติบโต และความต้องการเป็นผู้นำในการพัฒนาสินค้าที่เป็นนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและความงาม ของบริษัทฯ สำหรับผลิตภัณฑ์แรกของ HIB ได้แก่ สเปรย์ผ่นจมูก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีแอนติบอดี้ ต่อเชื้อ SARS-CoV-2 ใช้ในการช่วยยับยั้งและป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท โอทู คิส จำกัด ("O2KISS")

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท โอทู คิส จำกัด ("O2Kเรs") ซึ่งเดิมเป็นบริษัทร่วมทุน ที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 40% โดยเป็นการเข้าซื้อหุ้นอีก 60% จากผู้ถือหุ้นเดิม ทำให้เปลี่ยนสถานะจากบริษัทร่วมทุนเป็น บริษัทย่อยของบริษัท โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้การบริหารงานของ 02KISS ประกอบไปด้วย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ Q และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบรนด์ PhD K-Derma โดยมีเป้าหมายที่จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในการก้าวเข้าสู่ แพลตฟอร์มที่จำหน่าผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพและความงามที่หลากหลาย และครบวงจรในอนาคต เปิดตัวผลิตภัณฑ์ "VAILL COVITRAPTM Anti-CoV Nasal Spray" ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทไฮโบโอไซ จำกัด ("HIB")

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ "VAILL COVITRAPTM Anti-CoV Nasal Spary" อย่างเป็นทางการและเริ่มจัดจำหน่ายตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน 2565 โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เป็นการผนึกกำลังจากองค์กรชั้นนำภาค รัฐ-เอกชน ทั้ง 5 ภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร, สถาบันวิจัย ระบบสารารณสุข (สวรส.), องค์การเภสัชกรรมและบริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ในความร่วมมือพัฒนานวัตกรรมจนสามารถ ผลักดันงานวิจัยและพัฒนาจนเป็นผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกที่เป็นเกราะป้องกันทางกายภาพที่ช่วยดักจับและยับยั้งอย่าง จำเพาะต่อเชื้อโควิด-19 ที่บริเวณโพรงจมูก สำหรับแผนในระยะสั้นจะยังเป็นการเร่งกำลังการผลิตของสินค้าให้เพียงพอต่อ ความต้องการของตลาดให้ได้มากที่สุดจากกระแสตอบรับที่ดีหลังจากเปิดตัวไป ขณะที่แผนในระยะกลาง-ยาว บริษัทมีเป้าหมาย ในการขยายสินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อรุกตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างเต็มกำลัง รวมถึงการวางแผนการ ขยายผลิตภัณฑ์สินค้าอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการดูแลสุขภาพและเน้นการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการต่อยอดสินค้า โดยอาศัยพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญในด้านสุขภาพ ที่จะมีส่วนในการเสริมสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้อย่างเข้มแข็ง การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2565 บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ("HIB" ได้ออกหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุนจำนวน 11,950 หุ้น มูลค่า ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,195,000 บาท บริษัทฯ ได้จองซื้อหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุนเป็นจำนวน 1,150 หุ้น มูลค่า ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 1 15,000 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้ชำระค่าหุ้นร้อยละ 25 ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 28,750 บาท และผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเพิ่มทุนเป็นจำนวน 10,800 หุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,080,000 บาท ซึ่งผู้ถือหุ้นส่วนน้อยได้ชำระค่าหุ้นร้อยละ 25 ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 270,000 บาท ทำให้สัดส่วนผู้ถือหุ้น ของ บริษัทฯ เปลี่ยนแปลงจากเดิมร้อยละ 50.93 ไปเป็นร้อยละ 46.60 ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีสิทธิออก เสียงใน HIB คิดเป็นร้อยละ 50.93 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ HIB ภายหลังการเพิ่มทุนจึงยังคงมีอำนาจควบคุมใน HIB โดยโครงสร้างกรรมการและการบริหารใน HIB นั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง

Brand Portfolio